วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556



พรรครัฐบาลมาเลเซียของนายกฯ Najib Razakได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานผลการเลือกตั้งในประเทศมาเลเซีย โดยผลคะแนนระบุว่า รัฐบาลผสมแนวร่วมแห่งชาติ (Barisan National)  พรรคบีเอ็นของนาจิบ ราซัคได้รับชัยชนะเลือกตั้งมาเลเซีย หลังได้จำนวนสส.133 ที่นั่ง จาก222ที่นั่ง


 เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้เดินทางไปเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านตวนกู อับดุล ฮาลิม มูอัซซอม ชาห์ ณ พระบรมมหาราชวัง ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อทำพิธีสาบานตนและถวายสัตย์ปฏิญาณ รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อย่างเป็นทางการแล้ว




      นาจิบถือเป็นนายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนแรกในประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ประเทศได้รับเอกราชจากอังกฤษ เมื่อปี 2500 ที่ได้รับคะแนนนิยมประชาชนน้อยกว่าผู้สมัครจากพรรคแนวร่วมฝ่ายค้าน คือ 5.22 ต่อ 5.48 ล้านคะแนน อย่างไรก็ตาม ผู้นำมาเลเซียวัย 59 ปี ประกาศชัยชนะและขอให้ทุกฝ่ายยอมรับผลการเลือกตั้งที่ออกมา ที่เป็นการตัดสินใจโดยบริสุทธิ์ของประชาชน เพื่อความปรองดองและสมานฉันท์ในอนาคต



         ขณะที่อันวาร์ วัย 65 ปี ปฏิเสธยอมรับความพ่ายแพ้ พร้อมกับประณามการเลือกตั้งครั้งนี้ ว่าเต็มไปด้วยการทุจริต ดังนั้น ผลคะแนนที่ออกมาจึงไม่มีความโปร่งใส่พอ แม้ปากาตัน รัคยัต จะได้ที่นั่งเพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 5 ปีก่อนถึง 14 ที่นั่งก็ตาม แต่ก็ต้องสูญเสียที่นั่ง 1 ใน 4 รัฐที่เคยแย่งชิงมาจากฝ่ายรัฐบาล กลับคืนไปให้นาจิบในการเลือกตั้งครั้งนี้ ทั้งนี้ มาเลเซียแบ่งการปกครองออกเป็น 13 รัฐ



            สำหรับประวัติของนายนาจิบราซักว่าที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป็นบุตรชายคนโตของนายอับดุลราซักอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่2ของมาเลเซีย จบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรม จากมหาวิทยาลัยน็อตติงแฮม ประเทศอังกฤษ

ต่อมาปี 2517 นายนาจิบเดินทางกลับประเทศ และเข้าทำงานที่บริษัทน้ำมันปิโตรนาสอยู่สักพัก จากนั้นไม่นาน พ่อของนายนาจิบถึงแก่อสัญกรรมอย่างกระทันหัน  ส่งผลให้ตำแหน่งที่นั่งสภาว่างลง 

นายนาจิบ  ตัดสินใจเลงเล่นการเมือง และได้เป็นสมาชิกรัฐภาที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยในขณะนั้นมีอายุเพียง 23 ปีเท่านั้น ในปี 2552 นายนาจิบ มีโอกาสขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป็นครั้งแรกเนื่องจากนายอับดุลละห์ บาดาวี นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นลาออก